วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ปรัชญาที่ชาวจีนถือว่าเป็นมนตรานำโชคมาสู่ชีวิต (chinese tantra totem for good luck)

1. จงให้มากกว่าที่ผู้รับต้องการ และทำอย่างหน้าชื่นตาบาน
2. จงพูดกับคนที่ถึงแม้จะอายุน้อยกว่า แต่เขาก็มีความสำคัญเท่ากัน
3. จงอย่าเชื่อทุกอย่างที่ได้ยิน ใช้ทั้งหมดที่มี และนอนเท่าที่อยากจะนอน
4. เมื่อกล่าวคำว่า 'ฉันรักเธอ' จงหมายความตามนั้นจริง ๆ
5. เมื่อกล่าวคำว่า 'ขอโทษ' จงสบตาเขาด้วย
6. ก่อนจะตัดสินใจแต่งงาน จงหมั้นเสียก่อนอย่างน้อย 6 เดือน
7. จงเชื่อในรักแรกพบ
8. อย่าหัวเราะเยาะความฝันของผู้อื่น คนที่ไม่มีฝันก็เหมือนไม่มีอะไร
9. เมื่อรักจงรักให้ลึกซึ้ง และ ร้อนแรง อาจจะต้องเจ็บปวดแต่นั่นคือหนทางเดียวที่ทำให้ชีวิตถูกเติมเต็ม
10. ในเหตุการณ์ขัดแย้ง โต้อย่างยุติธรรม ไม่มีการตะโกนใส่กัน
11. อย่าตัดสินคนเพียงเพราะญาติๆ ของเขา
12. จงพูดให้ช้า แต่ต้องคิดให้เร็ว
13. ถ้าถูกถามด้วยคำถามที่ไม่อยากตอบ จงยิ้มแล้วถามกลับว่า จะรู้ไปทำไม
14. จงจำไว้ว่า สองสิ่งที่ยิ่งใหญ่ คือความรัก และความสำเร็จ ล้วนต้องมีการเสี่ยง
15. พูดว่า ขอพระคุ้มครอง เมื่อได้ยินใครจาม
16. เมื่อพ่ายแพ้ จงอย่าสูญเสียบทเรียนไปด้วย
17. จงจำ 3 R :- นับถือผู้อื่น นับถือตนเอง รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ
18. จงอย่าให้ความขัดแย้งเล็กๆ น้อยๆ มาทำลายมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่
19. ทันทีที่รู้ตัวว่าทำผิด ลงมือแก้ไขทันที
20. จงยิ้มเวลารับโทรศัพท์ ผู้ฟังจะเห็นได้จากน้ำเสียงของเรา
21. จงหาโอกาสอยู่กับตัวเองบ้าง


****

วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2552

อย่าเห็นแก่ตัว จนไม่เห็นหัวแผ่นดินไทย

อย่าเห็นแก่ตัว จนไม่เห็นหัวแผ่นดินไทย

วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2552

ทำงานเพื่ออะไร?

การทำงานคือประสบการณ์ของชีวิต
เพราะเขาไม่รู้ต้องบอกเขา (พ่อ-แม่สอนลูก ให้ทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ดีกว่าปากพูด ไม่ใช้อารมณ์ ใช้เหตุผล)

ทำงานเพื่ออะไร?
ทำงานเพื่อให้ได้งาน
ทำงานเพื่อการเรียนรู้
ทำงานเพื่อสาธารณะ
สุดยอดคือที่เรามีโอกาสได้ทำงาน


เรียนรู้ชีวิต
เรียนรู้เรื่องคน
เรียนรู้เรื่องการทำงาน
สั่งสมประสบการณ์ชีวิต

วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2552

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2552

* วิธีอยู่กับคนที่เราเกลียด*

ถ้าเรารู้สึกไม่ชอบหน้าใครสักคนหนึ่งแต่จำเป็นต้องอยู่ทำงานด้วยกันในที่ทำงานเดียวกันทุกๆ วัน ผมควรจะวางตัวอย่างไรดีครับ มันอึดอัดไปหมด ไม่มีความสุขเลยตลอดเวลาที่อยู่ในสำนักงานร่วมกันคนคนนี้ ==========================

วิสัชนา โดย ว.วชิรเมธี
รู้ไหมว่า เรามีเวลาอยู่ในโลกนี้คนละกี่ปี ชีวิตนั้นสั้นยิ่งกว่าหยดน้ำค้างเสียอีก จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่มีใครรู้ล่วงหน้า

ถ้าเราใช้เวลาอันแสนสั้นนี้ไปมัวหลับๆตื่นๆอยู่ในความรัก โลภ โกรธ หลง หมั่นไส้คนนั้น ปลาบปลื้มคนนี้ ริษยาเจ้านายใส่ไคล้ลูกน้! อง ปกป้องภาพลักษณ์ (อัตตา) กด (หัว)

คนรุ่นใหม่หลงใหลเปลือกของชีวิต โดยลืมไปเลยว่าอะไรคือสิ่งที่ตนควรทำอย่างแท้จริง คิดดูเถิดว่า เราจะขาดทุนขนาดไหน ท่านอังคาร กัลยาณพงศ์ เขียนบทกวีไว้ว่า

'' น้ำไหลอายุขัยก็ไหลล่วง ใบไม้ร่วงชีพก็ร้างอย่างความฝัน ฆ่าชีวาคือพร่าค่าคืนวัน จะกำนัลโลกนี้มีงานใด ''

คนเราไม่ควรพร่าเวลาอันสูงค่าด้วยการปล่อยตัวปล่อยใจให้ตกเป็นทาสของความชอบ ความชัง มากนัก เพราะถ้าเราวิ่งตามกิเลส กิเลสก็จะพาเราวิ่งทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ต่อไปไม่รู้จบ กิเลสไม่เคยเหนื่อย แต่ใจคนเราสิจะเหนื่อยหนักหนาสาหัสไม่รู้กี่เท่า

ควรคิดเสียใหม่ว่า เราไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะชอบหรือไม่ชอบใคร หรือเพื่อที่จะให้ใครมาชอบหรือมาชัง แต่เราเกิดมาสู่โลกนี้เพื่อทำในสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์คนหนึ่งควรจะทำ เอาเวลาที่รู้สึกแย่ๆ กับคนอื่นนั้นหันกลับมามองตัวเองดีกว่า ชีวิตนี้เรามีอะไรบ้างที่เป็นแก่นสาร มีงานอะไรบ้างที่เราควรทำ

นอกจากนั้นก็ควรมองกว้างออกไปอีกว่า เราได้ทำอะไรไว้ให้แก่โลกบ้างแล้วหรือยัง คนทุกคนนั้นต่างก็มีดีมีเสียอยู่ในตัวเอง ถ้าเราเลือกมองแต่ด้านเสียของเขา จิตใจของเราก็เร่าร้อน หม่นไหม้

เวลาที่เสียไปเพราะมัวแต่สนใจด้านไม่ดีของคนอื่นก็เป็นเวลาที่ถูกใช้ไปอย่างไร้ค่า
บางที่คนที่เราลอบมอง ลอบรู้สึกไม่ดีกับเขานั้น เขาไม่เคยรู้สึกอะไรไปด้วยกันกับเราเลย เราเผาตัวเราเองอยู่ฝ่ายเดียวด้วยความหงุดหงิด ขัดเคืองและอารมณ์เสีย วันแล้ววันเล่า สภาพจิตใจแบบนี้ไม่เคยทำให้
ใครมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นมาได้เลย

ลองเปลี่ยนวิธีคิด วิธีมองโลกเสียใหม่ดีกว่า
คิดเสียว่าคนเราไม่มีใครดีพร้อมหรือ เลวไม่มีที่ติไปเสียทั้งหมดหรอก เราอยู่ในโลกกันคนละไม่กี่ปี ประเดี๋ยวเดียวก็จะล้มหายตายจากกันไปหมดแล้ว มาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระทำไม อะไรที่ควรทำก็รีบทำเถิดปล่อยวางเสียบ้าง ความโกรธ ความเกลียดนั้นไม่มีคุณค่าอะไรต่อชีวิตอันแสนน้อยนิดนี้เลย ! มุ่งไปข้างหน้า ไปหาสิ่งที่มีคุณค่าให้ชีวิตดีงามดีกว่า

วิธีที่แนะนำทั้งหมดนั้น นักภาวนาเรียกว่า '' การกลับมาอยู่กับตัวเอง '' กล่าวคือ ถ้าเราเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องอยู่กับคนที่ไม่ถูกโฉลก แทนที่จะปล่อยใจให้อยู่กับ ความรู้สึกแย่ๆไปตลอด ก็ควรหันกลับเข้ามา '' มองด้านใน

'' แก้ไขที่ตัวเอง อย่ามุ่งแก้ไขที่คนอื่น เพราะยิ่งพยายามแก้ไขคนอื่น ก็ยิ่งยุ่งเหมือนลิงทอดแห ยิ่งเราให้ความสำคัญกับคนที่เราเกลียดมากเท่าใด สภาพจิตใจก็ยิ่งแย่ลงมากเท่านั้น

วิธีที่ดีที่สุดในการอยู่กับคนที่เรารู้สึกไม่ดีหรือเป็นปฏิปักษ์ก็คือ การดึงความรู้สึกจากเขามาอยู่กับเราทุกขณะ


*********

วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2552

10 วิธี สุขฟรี - ปัจจุบันขณะที่คุณสุขเป็น ตามแนวท่าน ดิช นัท ฮันส์ - หมู่บ้านพลัม


1. วันว่างลองให้วันทั้งวันอยู่กับการว่าง ไม่มีนัด ไม่ไปธุระที่ไหนไม่กำหนดตารางอะไร

ให้ชีวิต จะทำกิจวัตรอะไรก็ให้เป็นแบบช้าๆ สบายๆไม่รีบเร่ง อยู่กับแต่ละกิจกรรมอย่างเต็มร้อยให้ใจได้พักผ่อนอย่างแท้จริงกับการดำรงอยู่ในปัจจุบันขณะ วันว่างๆจะช่วยเติมเต็มพลังกายและใจให้แก่เรา แถมยังช่วยลดใช้พลังงานโลกด้วยวันนั้นอาจจะยอมให้ตัวเองนอนตื่นสายกว่าปกติสักนิดอาบน้ำแบบมอบความทะนุถนอมให้กับร่างกาย
เบิกบานกับอาหารเช้าที่ดีกับสุขภาพ
เปิดประตู เปิดหน้าต่างรับลมธรรมชาติ
เดินสำรวจละแวกบ้าน
ถ้าจะหยิบหนังสือที่ซื้อไว้ตั้งนานแต่ยังไม่ได้อ่านสักทีมาอ่านก็ไม่ผิดกฎอะไรตกค่ำจะลองทานมื้อเย็นใต้แสงเทียนให้หลอดไฟกับมิเตอร์ได้พักผ่อนก็ให้ความรู้สึกพิเศษดีเช่นกัน

2 . หายใจเล่น

สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับการอยู่เงียบๆคนเดียว ติดทีวี ติดโทรศัพท์อาจลองหาเวลาตีสนิทกับเพื่อนใกล้ตัวของเราทั้งสอง คือ คุณลมหายใจเข้าและคุณลมหายใจออก ไม่ว่าจะเป็นการนั่ง เดิน นอน หรือ เคลื่อนไหวเราจะตระหนักรู้ถึงเพื่อนสองคนนี้อยู่เสมอ หมั่นเช็คอยู่เรื่อยๆว่าเพื่อนทั้งสองคนของเรามีสภาพอย่างไร ยังสบายดีอยู่หรือเปล่าเมื่อเราดูแลลมหายใจ ลมหายใจก็จะดูแลเรา การดุแลกันและกันเช่นนี้จะส่งผลดีต่อทางร่างกายและจิตใจความสงบที่เกิดจากภายในจะส่งผลที่น่าประทับใจถึงภายนอกในเวลาที่เราต้องเผชิญกับเรื่องยากๆ ต้องคิด ตัดสินใจและทำอะไรอยู่ตลอดเวลา การได้พักสัก 15 นาทีหรือสักชั่วโมงจะช่วยให้หัวที่เคยหมุนจนร้อน ใจที่เต้นรัวเร็วร่างกายที่เครียดตึงค่อยๆ ผ่อนคลายและเบาลงอย่างไม่น่าเชื่อ

3. ชื่นชมธรรมชาติ

ไม่ต้องรอให้ถึงวันพักร้อน แค่ตื่นเช้าขึ้นสักนิดดูพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ให้แสงแรกของพระอาทิตย์ล้างตาให้สะอาด ช่วงสายๆอาจจะมองท้องฟ้าสัก 5-10 นาที
ดูเมฆที่ค่อยๆเปลี่ยนรูปก็เติมความสดชื่นได้ดีบ่ายคล้อยเดินเล่นให้สายลมเย็นปะทะหน้าเบาๆสูดเอากลิ่นหอมของดอกไม้ใบหญ้า ได้เวลาพลบค่ำปิดไฟให้หมดจะได้เห็นดาวและเดือนที่ลอยเกลื่อนฟ้าได้ชัดขึ้นให้เวลาธรรมชาติได้บำบัดเราทั้งกายและจิตใจ4. สลายไขมัน สำหรับคนบ้าพลัง คนกลัวอ้วน คนไม่ชอบออกกำลังกายการออกกำลังกายให้ได้เหงื่อจะช่วยให้เรารู้สึกสดชื่นขึ้นหรืออาจว่ายน้ำในความเงียบ ซึ่งนั้นหมายถึงรวมไปถึงเสียงในหัวเราด้วยลองว่ายไปเรื่อยๆ ตระหนักรู้การเคลื่อนไหวของร่างกายเราเสียงในหัวเราจะค่อยๆ เงียบลงเอง หรืออาจจะลองปั่นจักรยานรับลมสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ๆ ในหมู่บ้าน หรืออะไรก็ได้ที่เราชอบนอกจากจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุข (เอ็นโดฟิน)แล้วยังช่วยเผาผลาญไขมันได้ดีอีกด้วย

5. ศิลปินสมัครเล่นหยิบดินสอหรือสี ขึ้นมาวาดรูปแบบไม่ห่วงสวย

ปลดปล่อยจินตนาการให้ความเป็นเด็กในตัวออกมามีชีวิตผ่านงานศิลปะหรือประดิษฐ์งานฝีมืออะไรสักอย่างที่ทำให้เราได้มีพื้นที่และอิสนระจากความคิด ความยึดติด ทั้งนี้พบว่าการถักนิตติ้งช่วยสงบใจได้เป็นอย่างดี แถมยังเสริมสร้างสมาธืบำบัดความเบื่อหน่าย ความเครียด และแรงกดดันจากการทำงานทั้งยังได้ผลงานเป็นของขวัญให้คนรอบข้างอีกด้วย เรียกว่า บำบัดใจผู้ให้สุขใจผู้รับ

6. สุขใจกับงานบ้าน

การได้ลงมือ ปัดกวาดเช็ดถู จัดข้าวของในบ้านให้เป็นระเบียบ ทำสวนปลูกต้นไม้ ตัดแต่งใบเสีย ล้วนเป็นโอกาส ให้เราได้กลับมาปัดกวาดเช็ดถูจัดระเบียบ และรดน้ำเมล็ดพันธุ์แห่งความสุข ให้ใจเราได้เติบโต งอกงามสะอาด และใหม่สดอยู่เสมอ "บ้านสะอาดสดใส ใจก็งดงาม"

7. สนทนาใจใช้เวลากับเพื่อนแลกเปลี่ยนสุขทุกข์ของกันและกัน
ช่วยฝึกการฟังอย่างลึกซึ้ง และทำให้ตระหนักรู้ว่าเรามีคนอยู่เคียงข้างเสมอ หาวันว่างยามบ่าย บรรยากาศสบายๆที่บ้านใครสักคนนั่งพุดคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาในวิถีแห่งสติอาจเป็นความตื่นเต้นจากความรับผิดชอบใหม่ๆหรือมองเห็นความสดใหม่ในงานเก่าหรือจะเป็นผู้คนที่เราพบเจอได้เรียนรู้ความสุขที่เรามี หรือแม้แต่ความเหนื่อยล้า เรื่องอกหัก ความทุกข์ใจความยากลำบากในครอบครัวที่ต้องเผชิญอื่นๆอีกมากมายที่เราพร้อมเปิดใจแบ่งปันต่อกันการได้ใช้เวลาอยู่ตรงนี้ด้วยกันอย่างเต็มเปี่ยมถือเป็นการบำรุงหล่อเลี้ยงซึ่งกันและกันแบบไม่ต้องใช้สตางค์

8. กลับบ้านแล้วใช้เวลาเพื่อพูดคุย ทำความรู้จัก เรียนรู้กันและกันให้มากขึ้น

ลองเริ่มจากการบอกกล่าวความรู้สึกภายในกับคนในบ้านไม่ว่าจะเป็นการกล่าวขอโทษสิ่งที่เราอาจจะพลาดพลั้งไปจนทำให้อีกฝ่ายเสียใจหรือกล่าวขอบคุณในความน่ารัก ความดีที่อีกฝ่ายได้ทำให้แก่เราหรือเลือกกิจกรรมที่ชอบด้วยกันที่บ้าน เช่น ดื่มน้ำชา กินขนมทำอาหารด้วยกัน นอนดูหนังเรื่องโปรด อ่านหนังสือ ผลัดกันเล่านิทานเล่นเกม ออกกำลังกาย ร้องเพลง เล่นดนตรีปิดท้ายด้วยการกอดสมาธิก็อบอุ่นดีไม่น้อย

9 แบ่งปันด้วยใจแบ่งปันเวลาทำประโยชน์เพื่อคนอื่นและสังคม

บางคนอาจเริ่มต้นง่ายๆจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว เช่น โปรยอาหารให้นกตัวน้อยๆ ในสวนที่บ้านเดินเก็บขยะแถวบ้าน รื้อข้าวของที่ไม่ใช้แล้วหรือไม่ค่อยได้ใช้(แถมได้ฝึกการตัดใจด้วย) มาทำความสะอาดแล้วนำไปบริจาคหาเจ้าของที่คู่ควรคนใหม่ หรือจะเข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสาต่างๆก็มีให้เลือกมากมาย ลองเข้าไปดูที่เว็บไซต์

www.volunteerspirit.org

10 ยิ้ม

ยิ้ม ให้กับตัวเองยิ้มแบบใสๆ ยิ้มให้กว้างๆ จนเผื่อแผ่ไปยังคนรอบข้าง แล้วจะพบว่าความสุขใจที่ไม่ต้องใช้สตางค์แบบนี้นั้นแสนวิเศษ

ยิ่งให้ก็ยิ่งได้

ที่มา : วารสาร พลัม ฉบับที่6 กรกฎาคม-กันยายน 2552

*******