วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

วิสัยทัศน์ของพ่อแม่

ที่มา: บทความของ ร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ (เปิดฟ้าส่องโลก)

จันทร์ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๒

นิติภูมิเป็นติวเตอร์สอนหนังสือตั้งแต่อายุยังไม่ถึง ๒๒ ปี และเป็นต่อเนื่องยาวนาน คนที่เคยผ่านการสอนของ “ติวเตอร์หมู” จึงมิได้มีเป็นหมื่นคน ขอโทษครับ แต่มีเป็นแสนคนและกระจัดพลัดพรายทำงานอยู่ในหน่วยงานของรัฐและเอกชน ทั้งในราชอาณาจักรไทยและนอกราชอาณาจักร

การเดินทางไปทุกตรอกซอกมุมทั่วประเทศไทยของนิติภูมิ จึงไม่มีวันไหนที่ใดที่ผมจะไม่ได้เจอศิษย์บาลานซ์ (ติวเตอร์หมู) ซึ่งผมรู้จักมักจี่ท่านเหล่านั้นดีตั้งแต่เมื่อครั้งที่ท่านยังเป็นนักศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยรามคำแหง บัดนี้หลายท่านเป็นรัฐมนตรี เป็นนายพล เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคม แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่ล้มเหลวในชีวิต

หัวข้อหนึ่งซึ่งผมและศิษย์ติวเตอร์หมูชอบสนทนากันก็คือ เรื่องมีลูกกี่คน ตอนนี้เป็นยังไง ทำอะไรกันบ้าง? ผ่านการสนทนาเรื่องลูกกับคนจำนวนมาก ทำให้ผมสรุปได้ว่า เยาวชนคนที่ประสบพบความสำเร็จในชีวิตในเบื้องต้น มักมีพ่อแม่ที่มีวิสัยทัศน์และฝึกลูกของตนไปในหนทางที่พ่อแม่ประสงค์ ทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม

นายขจรเดช เจนวัฒนานนท์ มิได้เป็นศิษย์ติวเตอร์หมู แต่เป็นน้องรักของผมที่สนทนากันได้ทุกเรื่อง หลักจากจบนิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยรามคำแหงแล้ว ขจรเดชเรียนเนติบัณฑิตไทย และเรียนปริญญาโททางกฏหมายอีก ๒ ใบในสหรัฐอเมริกา ภายหลังได้ทุนรัฐบาลสหราชอาณาจักรเข้าเรียนปริญญาโททางกฎหมายภาษีอีก ๑ ใบในสถาบันดังของโลก LSE แห่งมหาวิทยาลัยลอนดอน

ปลาย พ.ศ.๒๕๓๘ นายขจรเดชและนางกนกนันท์มีบุตรชายชื่อ เด็กชายอติวิชญ์ หรือน้องแจ๊ส คุณพ่อของน้องชอบสนทนาถึงแนวโน้มของโลกในอนาคตตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นนักศึกษาที่รามคำแหง ทานข้าวกันทีไร นายขจรเดชต้องคุยและถามเรื่องที่ว่า ต่อไปประเทศโน้นจะเป็นยังไง อนาคตของภูมิภาคนี้จะเป็นเช่นใด อาชีพใดของโลกที่ต่อไปจะมั่นคง และสร้างชื่อเสียงให้แต่ละชาติรัฐได้

นายขจรเดชและนางกนกนันท์มองเห็นภาพของลูกชายในภายภาคหน้าเป็น “นักกอล์ฟ” ระดับโลกที่มีชื่อเสียง ทั้งคู่จึงตัดสินใจตีเหล็กเมื่อยังร้อนอยู่ ด้วยการพาลูกไปดูการเล่นกอล์ฟ ซื้อเทปวีดีโอของไทเกอร์ วู๊ดส์ มาดูที่บ้าน ดูซ้ำๆ ซากๆ และติดตามรายการทีวีที่เกี่ยวดองหนองยุ่งกับกอล์ฟเป็นระยะ

วันเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไป กอล์ฟกลายเป็นสิ่งที่อยู่ใต้สมองของน้องแจ๊ส และน้องแจ๊สกลายเป็นนักกอล์ฟตัวน้อยๆ โดยที่พ่อแม่ไม่ต้องเคี่ยวเข็ญ

บัดนี้ น้องแจ๊สอายุ ๑๓ ปี คว้ารางวัลชนะเลิศการแข่งขันกอล์ฟมาแล้ว ๑๒ รายการ เช่นรายการ Mercedes Trophy Junior Golf Championship รุ่นอายุต่ำกว่า ๑๒ ปี รายการ 2008 Optimist Golf Qualifying Tournament (Thailand) รุ่นอายุ ๑๒ ปี รายการ A-Class Open Championship 2008 รุ่นอายุ ๑๒ ปี ฯลฯ

ได้รับการคัดเลือกให้เป็นเยาวชนตัวแทนประเทศไทยเข้าแข่งขันกอล์ฟทั้งในและต่างประเทศมาแล้วหลายครั้ง ทั้งในไทย จีนและสหรัฐอเมริกา

ปัจจุบันน้องแจ๊สได้ครูฝึกสอนกอล์ฟชื่อ โค้ชเควิน ระยะไดร์ฟเฉลี่ยของน้องแจ๊สคือ ๒๖๐ หลา ความปรารถนาของน้องแจ๊สคือ การได้เล่นเป็นตัวแทนทีมชาติไทย จากนั้น อยากเทิร์นโปรคว้าแชมป์ The Master น้องแจ๊สใฝ่ฝันปรารถนาที่จะสร้างชื่อเสียงของประเทศไทยให้กระจายไปทั่วโลกด้วยกีฬากอล์ฟ

จบจากรามคำแหงแล้ว คุณพ่อของน้องแจ๊สเองก็เดินชีวิตจนประสบพบความสำเร็จ วันนี้ อายุเพียง ๔๐ ปีต้นๆ ผ่านการเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าศาลถึง ๓ แห่ง ปัจจุบันท่านเป็น ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดนครปฐม

สังคมไทยหลายแห่งขาดวิสัยทัศน์การเลี้ยงลูก ผมเคยอาศัยในครอบครัวของผู้คนหลายชาติ หลายศาสนา หลายประเทศ หลายเผ่าพันธุ์ ฯลฯ พบว่า สังคมใดก็ตามปล่อยอนาคตของเยาวชนให้เป็นตามยถากรรม ไม่ได้สร้างสิ่งจูงใจให้ลูก เพื่อดึงความสนใจของลูกให้ไปในทางที่ควร สังคมนั้น ต่อไปในอนาคตจะเต็มไปด้วย “ขยะมนุษย์” มีแต่ปริมาณ แต่ไม่มีคุณภาพ มีแต่ภาระ แต่ไม่มีใครสนใจแบ่งเบาภาระ

เพื่อนบ้านหลายคน เปิดโทรทัศน์การเมืองคาบ้านทั้งกลางวันยันกลางคืน ไม่ว่าจะเป็นของเสื้อสีไหน กลุ่มใดก็ตาม ผมสังเกตพบว่า ระยะหลัง ผู้ใหญ่ในบ้านหลังนั้นได้กลายเป็นคนรุนแรง ไม่มีเหตุผล ไม่เคารพกฏหมายและกติกาของสังคม

เด็กที่เติบโตภายใต้ชายคาบ้านเรือนพวกนี้ก็เช่นกัน กลายเป็นคนรุนแรง เอาแต่ใจตัวเอง เบลอเหมือนถูกล้างสมอง ไม่มีระเบียบวินัยในชีวิต ไปโรงเรียนก็ทะเลาะกับครู เถียงครูคอเป็นเอ็น อยากได้อะไร ก็ให้พ่อแม่พาพวกเดินทางไปกดดันครู

ประเทศที่ไม่มีสภาพเป็นนิติรัฐ ก็คือ นรก

อีกไม่กี่ปี พวกเอ็งจะได้อยู่ใน “นรกบนดิน” ของแท้แน่นอน

ที่มา:http://www.nitipoom.com/th/article1.asp?idOpenSky=3295&ipagenum=1



*******

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น